ผลงานของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี่
- เรอแนสซองส์ ( Renaissance) หมายถึงยุคของการฟื้นฟู หรือการเกิดใหม่ ทั้งด้านศิลปวิทยาการของยุโรป
- กล่าวคือเมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลายลง ทำให้ศิลปวัฒนธรรมและความรู้ต่างๆในยุครุ่งเรืองของยุโรปถูกทำลายลงไปด้วย
- เมื่อยุคมืดของยุโรปสิ้นสุดลงก็มีบรรดาเศรษฐีได้คิดรวบรวมและอุปถัมภ์ศิลปินขึ้นโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อิตาลี
- โดยนักวิชาการหลายคนเห็นว่า เรแนสซองส์ เป็นยิ่งกว่าการเกิดใหม่ เพราะเป็นทั้งการเชื่อมต่อยุคสมัยคือยุคกลางกับยุคสมัยใหม่เข้าด้วยกัน
ขบวนการเรแนสซองส์ได้เริ่มขึ้นที่อิตาลีก่อนประมาณ ค.ศ.1400
มีพ่อค้าชาวเวนิส เป็นเจ้าของกองเรือขนาดใหญ่มากถึง 300 ลำ และเรือที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 100 ตันอีก 3,000 ลำ เรือสำเภาอีก 45 ลำ มีฝีพาย 28,000 นาย ใช้ช่างไม้ต่อเรืออีก 6,000 นาย กองเรือของเขาออกค้าขายตามเมืองสำคัญ เช่น ฟลอเรนส์ เจนัว ปิซ่า และโรม
- และต่อมาเริ่มมีผู้คนสนใจเศษซากของความยิ่งใหญ่ในอดีต เหล่าบรรดา ขุนนางและพ่อค้าจึงหันมาสะสมของเก่าและสนับสนุนโครงการและเผยแพร่ความเจริญสมัยยุคคลาสสิคโบราณ
- โดยตระกูล เมดิชี่
- ได้ส่งเสริมศิลปินประจำถิ่นและจัดตั้งโครงการสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้น
และมีศิลปินที่ร่วมทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ได้แก่
แบร์โทลโด ไมเคิล แองเจโล ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี่ เป็นต้น
และ แวโรซีโอ ลอเรนโซ เดอ เมดิชี่ เป็นทั้ง กวี และคีตกวี จึงทำให้เหล่าศิลปินนิยมชมชอบเขาด้วย เพราะพวกเขาต้องการความเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง เรียกว่า ธรรมเนียมปัจเจกชนนิยม แต่ก็มีศิลปินส่วนหนึ่งที่รับจ้างให้กับพวกขุนนางและโบสถ์คริสต์
- ซึ่งในยุคสมัยนี้การยึดถือลัทธิวีรคติ เริ่มเสื่อมลง และสิ่งที่กำลังจะมาแทนคือ อุดมคติสุภาพชน
- ลัทธิวีรคติ >>> คลิกอ่านที่นี่
( Very perfect gentlemen ) หรือความนิยมวางมาดวางท่าทีให้เหมาะสม ซึ่งแนวคิดนี้มีอยู่ในหนังสือ สุภาพชน ( IL Cortigiano ) เขียนโดย บาลดาสซาร์ คาสตีญลีโอน เมื่อ ค.ศ. 1478-1529 จนได้รับความนิยม
- บางส่วนของหนังสือ เช่น ผู้ที่กำเนิดในตระกูลขุนนาง ต้องมีมารยาทสุภาพเรียบร้อยทั้งกายใจ มีมาตรฐานและรสนิยม ขุนนางจะเติบโตขึ้นมากับ การฝึกอาวุธ กีฬา เต้นรำอย่างสง่างาม และการดนตรี รวมไปถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษาลาติน วรรณคดี ศิลปะต่างๆ
- และยังระบุอีกว่าสตรีจำเป็นต่อสภาพแวดล้อมที่จะทำให้คนเป็นสุภาพบุรุษได้ เพราะสตรีทำให้เราเกิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ไม่ว่าบุรุษนั้นจะมีสันดานหยาบช้าเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรีเพศแล้วก็จะทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาได้
- เขายังกล่าวอีกว่า สตรีจึงควรจะฝึกฝนตัวเองให้พร้อมแก่บุรุษ เช่นการวางตัว การแต่งกาย กริยาท่าที ทั้งนี้เพื่อให้สามารถสนทนากับบุรุษได้อย่างเสมอกัน
- สตรีจำเป็นต้องเรียนหนังสือ วรรณคดี ศิลปกรรม การบ้านการเมือง และรู้หลายภาษาอีกด้วย ฯลฯ
- ศิลปินมากมายแข่งขันกันผลิตผลงาน รวมถึง ไมเคิล แองเจโล และ ดาร์วินชี่ด้วย ทั้งสองอยู่ที่ฟลอเรนส์และต่างมีความเชี่ยวชาญ ในการสื่อแนวคิดผ่านออกมาทางภาพได้จนเป็นที่ประจักษ์
- จนทั้งสองกลายเป็นคู่แข่งกันในเวลาต่อมา
งานที่สำคัญของ ดาร์วินชี่ เช่น Virgin of the Rock,The Last supper ,The MONA Lisa เป็นต้น
Virgin of the Rock
- ส่วนแองเจโล เขาเชี่ยวชาญงานที่เป็นรูปตัวคน งานที่เลื่องชื่อของเขาคือ ภาพวาดในโบสถ์ชืองานว่า
The Sistine Chapel ซึ่งมีรูปคนแทรกอยู่มากมายถึง 350 รูป แทบทุกช่องว่าที่เขาสามารถวาดมันลงไปได้
The Sistine Chapel ของแองเจโล
The Sistine Chapel
The Sistine Chapel
The Sistine Chapel
- สมัยเรแนสซองส์มีความเจริญถึง 200 ปี จึงเสื่อมลงเมื่อประมาณ ค.ศ.1550 ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งคือสงคราม โดยฝรั่งเศสได้บุกยึดอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 1494 และได้นำคนภายนอกเข้ามายังอิตาลีและได้ทำลายดินแดนี้ให้ราบลงอีกครั้ง
- รวมไปถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจด้วยเพราะเศรษฐกิจของอิตาลียุคนี้จะเป็นแบบผูกขาดโดยชนชั้นกลางที่ค้าขายระหว่างยุโรปตะวันตกและการค้ากับโลกตะวันออก สิ้นสุดลง
- เรแนสซองส์อาจสรุปได้ว่า เป็นขบวนการของพวกขุนนางที่มีความเชื่อว่าชนชั้นของตนมีวัฒนธรรมที่สั่งสมมานาน เป็นเรื่องของลัทธิที่มนุษย์นิยมในตัวมนุษย์ว่าเป็นสิ่งพิเศษ
- และนิยมสะสมศิลปินและผลงานไว้ในสังกัดของตนเอง เพื่อประดับบารมี รสนิยม ค่านิยมในยุคนั้นๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า เรแนสซองส์ เป็นยุคทองของศิลปินด้วยเช่นกันที่จะได้สร้างผลงานฝากไว้ให้กับโลกสืบมาจนวันนี้
ภาพด้านล่างทั้งหมดเป็นผลงานของ ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี่
ช่วงชีวิตหนึ่งเขาได้แอบผ่าศพและวาดภาพทุกอณูที่เขาได้เห็นไว้ จนถูกกล่าวว่าเขาเป็นบ้า แต่ผลงานของเขากลับเป็นประโยชน์กับนักศึกษาแพทย์ในเวลาต่อมา
ดาร์วินชี่
แบบร่างอาวุธในจินตนาการที่ดาร์วินชี่ออกแบบร่างไว้
St.John the Baptist เชื่อกันว่านี่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของดาร์วินชี่
The Mona Lisa
โครงสร้างทางกายภาค ซึ่งต่อมาได้ถูกนำเข้าไปในการศึกษา
อ้างอิงจาก
Thank you friend blog >>[1] 2 ] 3 ] 4 ] 5 ] 6 ] 7 ] 8 ] 9 ] 10 ] 11 ] 12 ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น