Koungwhal Thongnetra

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่คลังปัญญา (ปัญญาคือแสงสว่าง ส่องทางชีวิต )123EE.BLOGSPOT.COM

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

ลัทธิ สันติอโศก




โพธิรักษ์และสาวก



สำนักสันติอโศก ก่อตั้งโดย นายรัก รักพงษ์ หรือโพธิรักษ์ นายรัก เข้าบวชในพระพุทธศาสนาครั้งแรกที่วัด อโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทราปราการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2513 แต่ต่อมาถูกถอดถอนใบสุทธิ ให้ลาสิขา เนื่องจากไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์
ต่อมานายรัก เข้าบวชอีกครั้งในสายมหานิกาย ที่วัดหนองกระทุ่ม ต.ทุ่งลูกนก อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อ วันที่ 2เมษายน 2516
จากนั้นนายรักได้ประกาศตน ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม ดังข้อความบางตอนว่า
ดังนั้นเพื่อเป็นการยุติปัญหาทั้งหลายในความเป็นพุทธอันอยู่ร่วมกันตามที่พระบรมศาสดาได้ทรงบัญญัติไว้ให้แก่เราชาวพุทธเราเชื่อมั่นว่าถูกต้องดีที่สุดด้วยปัญญาธิคุณออกปานนั้น คณะสงฆ์ชาวอโศกจึงได้ประกาศ นานาสังวาส ตามธรรมวินัยให้ปรากฎเป็นที่ประจักษ์ซึ่งก็ทำตามข้อบัญญัติ ความเป็นนานาสังวาสภูมิตามพระไตรปิฎก เล่ม 5 ข้อ 240 ประกาศเมื่อ 6 สิงหาคม 2518
จากนั้นนายอินทร์ หนูนันท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ทำหนังสือรายงานไปยังนายสวน สุวรรณชีพ กำนัน ตำบลทุ่งลูกนก เมื่อ 11 สิงหาคม 2518 และกำนันรายงานไปยังอำเภอตามลำดับเพื่อรับทราบ
ผู้ว่ารายงานไปยังอธิบดีกรมการศาสนาทราบเมื่อ 18 สิงหาคม 2518
โพธิรักษ์ กับสาวกราว 80คน ได้ประกาศก่อตั้ง สำนักสันติอโศกขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2519 นอกจากนี้โพธิรักษ์ยังได้ประกาศตนต่อหน้าลูกศิษย์ว่า ตนเองเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือแม้แต่เป็นโพธิสัตว์ ดังประโยคที่ว่า **** พูดไปแล้วคนก็ไม่เชื่อว่าอาตมาเป็นโพธิสัตว์อาตมามาทำงานศาสนาสืบทอดพุทธ นอกจากนั้น โพธิรักษ์ ยังได้ประกาศตนอุตริธรรม ว่ามีคุณอันวิเศษ ดังข้อความว่า ***ธรรมที่อาตมาได้จริงบรรลุจริงนั้นอาตมาเรียนเองฝึกเองไม่มีครูบาอาจารย์ไม่ได้สังกัดสำนักไหนเป็นเรื่องส่วนตัวจริง ด้วยกุศลเก่าที่อาตมาได้บำเพ็ญสั่งสมมาแต่ปางบรรพ์เป็นเหตุปัจจัยให้ชาตินี้ อาตมาจึงปฏิบัติธรรมได้ไม่ยากเย็นหรือไม่ต้องใช้เวลายาวนาน ฯ
โพธิรักษ์ได้เปลี่ยนการแต่งตัวโดยสวมเสื้อแขนกระบอกสีกรัก ตั้งแต่ 11มิ.ย 2532

นักบวชสันติอโศกแบ่งได้ 2 กลุ่มคือ


1. นักบวชชาย เรียกว่า สมณะ ต้องใช้เวลาศึกษาและเตรียมบวช 2 ปี

2. นักบวชหญิง เรียกว่า สิกขมาต ใช้เวลาเตรียมตัว 10 ปี ถึงจะพิจารณาให้บวช


ตลอดเวลา สันติอโศก แตกตัวขยายเซลล์ออกไปอย่างรวดเร็ว ที่นคร ปฐม เรียกว่า ปฐมอโศก ที่อุบล เรียกว่า ราชธานีอโศก ที่นคร สวรรค์เรียกว่า สวรรค์ อโศกหรือสาลีอโศก ที่ขอนแก่นเรียกว่าขอน อโศก ฯลฯ
ชุมชนอโศกเหล่านี้ โพธิรักษ์เรียกชุมชนของเขาว่า CO -HOUSING โดยเขายอมรับว่าหลีกเลี่ยงคำว่า COMMUNITY เขาได้เทียบชุมชนของเขากับ ชุมชน อามิช ในอเมริกา คิบบุชต์ในอิสราเอล และอิ๊ตโตเอ้น ของญี่ปุ่น


องค์กรต่างๆของสันติอโศกมีดังนี้
1. กองทัพธรรมมูลนิธิ ( เป็นกำลังหลักที่ขับเคลื่อนในนามพันธมิตรที่ผ่านมา )
2. มูลนิธิ ธรรมสันติ
3. ธรรมทัศน์สมาคม
4.ชมรมหัตกรรมกะลาไท
5.ชมรมมังสวิรัติ
6.ชมรมสัมมาสิกขา
7.ชมรมศูนย์สุขภาพ
8.ชมรมนักศึกษาปฏิบัติธรรม
9.บริษัทพลังบุญ
10.บริษัทฟ้าอภัย
11.ชุมชนพุทธยูโทเปีย หรือชุมชนพระศรีอาริย์
12. วารสาร เราคิดอะไร
13 .สารอโศก
14.แสงสูร
15. ดอกหญ้า
16.ดอกบัวน้อย
17.น้ำใจ ฯลฯ


นี่คือองค์กรสันติอโศกเพียงบางส่วนที่ผมได้นำมาให้ทราบและเป็นเหตุผลว่าทำไมสันติอโศกถึงยืนหยัดอยู่มาได้ตราบวันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น