อริสโตเติ้ล
ตรรกวิทยา
กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ การปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง
- เหตุผลคือเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ การศึกษาตรรกวิทยาจะทำให้เราสามารถใช้เหตุผลได้ถูกต้อง
- การคิดหาเหตุผลคือ การสรุปสิ่งที่เรายังไม่รู้ และ สิ่งที่เรารู้แล้ว
- สิ่งที่เรารู้แล้ว เรียกว่าข้อมูลหรือวัตถุดิบที่จะใช้ในการตัดสินใจ
- การอ้างเหตุผล จะถูกหรือผิดก็ได้ เพราะบางครั้งดูเหมือนว่ามีเหตุผล แต่จริงๆ กลับไม่เป็นเหตุเป็นผล จึงต้องมีกฎเกณฑ์ในการใช้เหตุผลและต้องรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้การอ้างเหตุผลนั้นไม่สมเหตุสมผลด้วย เช่น
- เราเห็นนายดำ ขับรถ ราคาคันละสิบล้าน เราได้ข้อมูลแล้วคือรถ สุดท้ายเราก็สรุปว่านายดำเป็นคนรวยมีฐานะดี
- ซึ่งอาจผิดหรือถูกก็ได้ เพราะความเป็นจริง
- นายดำอาจรวยจริง หรือเป็นแค่คนขับรถ หรือยืมรถเพื่อนมาขับ ก็เป็นได้
- หรือ เราขับรถไปเห็นถนนเปียก ข้อมูลที่เราได้คือ ถนนเปียก แล้วเราก็สรุปว่า ฝนตก ซึ่งความจริง อาจเป็นจริงหรือไม่ก็ได้ ถนนอาจเปียกเพราะท่อประปาแตก หรือมีการรดน้ำต้นไม้ นี่จึงเป็นหลักเกณฑ์ ที่เราต้องเรียน ตรรกวิทยา
ตรรกวิทยาคือการคิดหาเหตุผล ตรรกวิทยาแบ่งเป็น 2 ประเภท
1. ตรรกวิทยา เชิงรูปแบบ ( นิรนัย )
- ตรรกวิทยาเชิงรูปแบบนี้ จะเน้นให้ความสำคัญ กับรูปแบบทางความคิด มากกว่าทางด้านเนื้อหา
- เราจะแยกได้อย่างไรว่าแบบไหนเป็นนิรนัย แบบไหนเป็นอุปนัย
- ลักษณะของตรรกวิทยาแบบนิรนัยจะเริ่มต้นกว้าง แล้วสรุปแคบ คือเริ่มต้นตรรกด้วยหลักใหญ่ทั่วไป แล้วไปสรุปที่ปลีกย่อย เช่น
- ทุกคนเกิดมาต้องตาย นายบอด เป็นคน เพราะฉะนั้น นายบอดต้องตาย
- ทุกคนคือตรรกเริ่มต้น เริ่มด้วยทั้งหมด คือทุกคนหรือทุกสิ่ง เป็นต้น
- นายบอดคือข้อสรุป เริ่มจากทุกคน แต่มาสรุปที่นายบอด
( นี่คือแบบนิรนัย)
2. ตรรกวิทยา แบบอุปนัย ตรรกวิทยารูปแบบนี้ ให้ความสำคัญกับความรู้เชิงประจักษ์หรือประบการณ์ เป็นพื้นฐาน แต่จะสรุปเกินประสบการณ์
- เช่น สมุดลอยน้ำ
- กล่องลอยน้ำ
- หนังสือลอยน้ำ
- ซองจดหมายลอยน้ำ
- สรุป กระดาษ เป็นสิ่งที่ลอยน้ำ เห็นความต่างนะครับ
- คือแบบอุปนัย เป็นการเก็บข้อมูลหลายๆครั้ง แล้วจึงนำมาสรุป
- ส่วน ค่าความจริงหรือความเป็นไปได้ของตรรกรูปแบบนี้ อยู่ในขั้น ความน่าจะเป็นเท่านั้น
- วิธีอุปนัยนั้น ถ้าข้อสรุปที่เราได้มานั้นมีความจริงอยู่สูง เราก็จะได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมาจากตรรกวิทยารูปแบบนี้
- ส่วนแบบนิรนัย ถ้าข้ออ้างจริง บทสรุปก็จริงด้วย
องค์ประกอบของความรู้ มีอยู่ 3 ประการ
1. มีความคิดเกี่ยวกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ในใจแล้ว (สมมุติฐาน )
2. สิ่งที่คิดนั้น มีอยู่จริง ในโลกภายนอก
3. เชื่อว่าสิ่งที่เราคิด กับวัตถุภายนอกนั้นตรงกันหรือเหมือนกัน
- เมื่อมีองค์ประกอบทั้ง 3 นี้ จึงจัดว่าเป็นความรู้จะขาดข้อใดไปไม่ได้
- สรุป. ตรรกวิทยามี 2 รูปแบบ คือ นิรนัย และอุปนัย
- นิรนัย เริ่มจากตรรกที่กว้าง แต่สรุปแคบ และระดับค่าความเป็นจริงนั้นถูกต้อง
- อุปนัย เริ่มจากแคบ แต่สรุปกว้าง ดังนั้นค่าความจริงจึงอยู่ในขั้น ความน่าจะเป็นเท่านั้น
- การอ้างเหตุผล มีทั้งผิดและถูก ถ้า ภาษา บกพร่อง ดังนั้น ตรรกวิทยา จึงให้ความสำคัญกับภาษา โดยไม่สนใจไวยากรณ์ เน้นที่ภาษาที่ใช้สื่อสาร ไม่สนใจภาษามือ หรือ อวัจนะภาษา เพราะเป็นภาษาที่บกพร่องจึงไม่สามารถสื่อความคิดหรือเหตุผลได
กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ การปกครองมหาวิทยาลัยรามคำแหง
................................................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น