ลักษณะสถาปัตยกรรม
อาณาจักรโรมัน
- โรมัน มีที่ตั้งอยู่บนเขา 7 ลูก บนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ Tiber นครโรมอยู่ตรงกลางของคาบสมุทรอิตาลี ห่างจากทะเลเมติเตอร์เรเนียนเพียง 15 ไมล์ และนี่คือข้อได้เปรียบที่ โรมันใช้ขยายอาณาเขต ทั้งใต้เหนือ และสะดวกต่อการค้าขาย
- ประวัติศาสตร์ชนชาติโรมัน ถูกบันทึกไว้หลายที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่จะเป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดคือ ของนักกวีเอกชาวโรมันชื่อ เวอร์จิล Virgil เวอร์จิลกล่าวว่า กรุงโรม สร้างโดยชาวเมืองทรอย Troy ผู้หนึ่งชื่อว่า อีเนียส Aeneas
- อีเนียสเป็นชาวเมือง ทรอย หลังจากที่ ทรอย แตกพ่าย แก่ชาวกรีก เขาได้พาผู้คนที่เหลือจากทรอย อพยพ มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ลุ่มน้ำไทเบอร์ ซึ่งเห็นว่าเหมาะที่จะตั้งเมืองใหม่ จึงได้สร้างเมืองขึ้น ชื่อ นครโรม
- จากหลักฐานนี้ทำให้รู้ว่า ที่คาบสมุทรอิตาลีมีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน หรือก่อน คริสต์ศตวรรษ 2 พันปี
- ประมาณศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสตกาล มีพวก อีทรัสแคน Etrascan อพยพมาจาก เอเซียไมเนอร์ และเข้าครอบครองพวกลาติน ชาติพันธุ์ อีทรัสแคน จนวันนี้ยังหาข้อสรุปทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ว่าเป็นชาติพันธุ์ที่เป็นไปเป็นมาอย่างไรแน่
- แต่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ไปทางเดียวกันคือ มาจากเอเซียไมเนอร์
- เอกลักษณ์ที่เด่นชัดทางสถาปัตยกรรม ของ พวก อีทรัสแคน คือ ประตูทรงโค้ง และ อุโมงค์
- และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นมรดกตกทอดจากอีทรัสแคนคือ การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ร้าย แกลดิเอเตอร์ กษัตริย์องค์สุดท้ายของ อีทรัสแคนคือ ทาร์กิน โดยต่อมา พวกลาตินเข้ามายึดครองดินแดนนี้อีกครั้ง
ราษฎรของโรม แบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น
1. แพทริเชียน Patrician ได้แก่ พวกขุนนางที่มั่งคั่งที่เป็นเจ้าของที่ดิน พวกนี้จะสืบทอดมาจากขุนนางตระกูลเก่าๆ และเป็นพวกเดียวในโรม ที่มีสิทธิทางการเมือง
2. พลีเบี้ยน Plebian ได้แก่ สามัญชน ชาวนา พ่อค้า ช่างฝีมือ พลีเบี้ยน จะถูกบีบคั้น ให้ขึ้นอยู่กับพวก แพทริเชี้ยน ถูกบังคับให้สาบานตนว่าจะต่อสู้แทนแพทริเชียน เพื่อแลกกับการคุ้มครองทางการเมือง และถูกรีดภาษีอย่างหนัก และถูกบังคับให้เป็นทหารยามสงคราม แต่สิทธิทางการเมืองจะถูกกีดกันออกไป ชีวิตของ พลีเบียน เกิดมาเพื่อตายแทน แพทริเชียน ก็ว่าได้
- ประวัติศาสตร์โลกทุกหน้าทุกชาติพันธุ์ จะมีความเหมือนกันอีกประการคือ คนส่วนน้อยปกครองคนส่วนมาก โดยใช้กำลังและกฎหมายเป็นเครื่องมือ เช่นเดียวกัน กับพวกพลีเบียน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของโรมแต่ถูกปกครองโดยคนกลุ่มน้อยคือแพทริเชียน ชาวพลีเบียนมีมากถึง 90 % ของประชากรโรม
- เมื่อมีแรงบีบ ก็มีแรงต้าน พลีเบียน เมื่อถูกกดขี่ถึงที่สุดก็ได้ลุกขึ้นมารวมตัวกันก่อความวุ่นวายขึ้นในโรม และยื่นข้อเสนอว่า หากไม่ได้รับความเท่าเทียมในฐานะพลเมืองของโรมเท่ากันจะอพยพ พลีเบียนทั้งหมดออกไปตั้งรัฐใหม่ การต่อสู้เรียกร้องนี้ ใช้เวลานานถึง 2 ร้อยปี ในที่สุด พลีเบียนก็เป็นฝ่ายได้ชัยชนะ
- 470 ปีก่อนคริสตกาล พลีเบียน ได้ส่งคนของตนเข้าไปนั่งในสภาขุนนาง( ทรีบูน ) Tribunes ได้ 2 คน และเรียกร้องให้รวบรวม กฎหมายโรมันจารึกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อ 449 ก่อนคริสตกาล
- และเรียกกฎหมายนี้ว่า กฎหมาย 12 โต๊ะ ( Law of the Twelve Tables ).
- ต่อมาพวกพลีเบียน ได้ขอเพิ่ม ทรีบูน จาก 2 คน เป็น 10 คน และพลีเบียนได้รุกไล่ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมา พวกพลีเบียน สามารถจัดตั้งสภาของตนเองขึ้นมาได้อย่างเบ็ดเสร็จ เรียกว่า สภาเผ่า Tribal Assembly.
- สภาเผ่ามีสิทธิในการออกกฎหมาย และจัดตั้งทรีบูนได้
- ในที่สุดการต่อสู้อันยาวนานของพลีเบียนมาถึงขั้นบรรลุผล พวกพลีเบียนสามารถได้รับสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมเช่นเดียวกับพวก แพทริเชียนในที่สุด ชนชั้นก็หมดไป
- 362 ปี ก่อนคริสตกาล พวกพลีเบียนได้รับเลือกเป็น กงสุลคนแรก
- 360 ปีก่อนคริสตกาล พลีเบียนได้ตรากฎหมายใหม่ว่า กงสุลจะต้องมาจากชนชั้นสามัญ 1 คน ตลอดไปตามประเพณีโบราณ และเมื่อกงสุลนั้นหมดวาระจากกงสุล จะต้องได้เข้าเป็นสมาชิกสภาขุนนางโดยอัตโนมัติ
- เป็นการรุกฆาตของพลีเบียนชนิดที่แพทริเชียนต้านไม่ได้ ต่อมา
- 287 ปีก่อนคริสตกาล พลีเบียนได้ผ่านร่างกฎหมาย Hortensian Law ระบุว่าระเบียบข้อบังคับต่างๆที่ออกโดยสภาสามัญไม่จำเป็นต้องให้สภาขุนนางเห็นชอบด้วย จึงเป็นการยุติบทบาทสภาขุนนางไปอย่างสิ้นเชิง
- นี่จึงเป็นปิดฉากการต่อสู้ระหว่างชนชั้นมาอย่างยาวนานของโรม
- ชาวโรมันจะพูดภาษ ลาติน ต่อมาภาษานี้ได้กลายเป็นต้นกำเนิดภาษาโรมานซ์สมัยใหม่ ได้แก่ ภาษา อิตาเลียน ฝรั่งเศส สแปนิส โปรตุเกต และโรมาเนีย เป็นต้น
- ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ์และทำให้โรมันรุ่งเรืองที่สุดคือ ออคเตเวียน
- ภายหลังความวุ่นวาย ออคเตเวียนได้ สถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ์องค์แรก
- แห่งโรมัน มีนามว่า ออกัสตัส ซีซาร์
- ต่อมาพวก อานารยชน ( เยอรมัน ) ได้เข้ายึดครองโรม และได้ถอดถอน จักรพรรดิ์โรมิวลุส ออกุสตุลุส พ้นตำแหน่งจึงเป็นการปิดฉากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันลงอย่างถาวร
สาเหตุที่ทำให้โรมันล่มสลายลง
1. ขูดรีดภาษีอย่างบ้าคลั่ง
2. กระหายในสงคราม ทำสงครามอย่างบ้าคลั่งของผู้นำ
3. เสื่อมทรามทางศีลธรรมจรรยา มีการจัดการแข่งขัน การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ร้าย อย่างเป็นปกติ
1. ขูดรีดภาษีอย่างบ้าคลั่ง
2. กระหายในสงคราม ทำสงครามอย่างบ้าคลั่งของผู้นำ
3. เสื่อมทรามทางศีลธรรมจรรยา มีการจัดการแข่งขัน การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ร้าย อย่างเป็นปกติ
- บทเรียน การต่อสู้ของชาว พลีเบียน ที่ถูกกดขี่จาก แพทริเชียน บทเรียนจากการปกครอง ที่ไม่เท่าเทียม มันมีแบบแผนการต่อสู้และที่มาที่ไปอยู่ในหลายหน้าการเมืองโลกขึ้นอยู่กับเราจะหยิบยกมันขึ้นมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานะการณ์หรือไม่เท่านั้นเอง
กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น